Homo sapiens


ตอนนี้ผมกำลังอ่านหนังสือเรื่อง Sapiens เป็นหนังสือที่นิยามตนเองว่า ประวิติย่อของมนุษยชาติ ซึ่งการอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งใน Project 50 ของผมด้วย
[Project 50 คือโปรเจ็คที่ผมจะอ่านหนังสือวันละ 50 หน้าทุกวัน] 
Day 1
วันนี้เป็นวันที่ 27 เมษายน 2563 หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว จนว่างพอที่จะมานั่งอ่านหนังสือข้างริมหนองบัวลำภู ให้เวลากับตนเอง หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ปิดทุกอย่างที่จะเชื่อมต่อกับโลกโซเชียล ในเวลานี้มีแค่ผมกับหนังสือที่ถูกเลือกเท่านั้น นี้คือวิธีของผมในการดูดซับความรู้และจินตนาการจากผู้เขียนหนังสือของผมเอง
From Big Bang to Homo sapiens

13,500 ล้านปีก่อน
เริ่มต้นเรื่องนี้จากแนวคิดเรื่องการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาล การกลายจากพลังงานสู่สสาร

13,499.7 ล้านปี (300,000 ปีหลัง Bigbang)
สสารเหล่านั้นได้กลายเป็นอะตอม (ตรงนี้สามารถเขียนหนังสือได้อีกหลายเริ่มเลยนะว่าสสารกลายเป็นอะตอมได้อย่างไร)

3,800 ล้านปี (ประมาณ 10,000 ล้านปีหลังเกิดอะตอม)
อะตอมเหล่านั้นได้กลายเป็นสิ่งมีชวิต (ตรงนี้สามารถเรียนในวิชาชีววิทยาได้เลย)

70,000 ปีก่อน
สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นนั่นคือ Homo sapiens
From H. Sapiens  to the top consumer
การปฏิวัติการรับรู้ (Cognitive revolution)
เราปฏิวัติการรับรู้อย่างไร ถึงได้กลายเป็นสิ่งมีวิตที่ครองโลกในปัจจุบัน เรื่องราวนี้ต้องเริ่มจากการที่เราต้องเข้าใจก่อนว่า จริงๆแล้วเราไม่ใช่มนุษย์เพียงสปีชีส์เดียวบนโลก ใช่อยู่ว่าตอนนี้เหลือเพียงเรา แต่ระหว่างทางในการเปลี่ยนแปลงของโลกมีการพัฒนามนุษย์มาอีกหลายสปีชีส์ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นผมจะขอเปรียบเทียบโมเดลการพัฒนาทางชีววิทยาแบบที่ไม่ใช่โมเดล เก่าไปใหม่มา แต่เป็นโมเดลที่เก่า และใหม่ไปพร้อมกัน เปรียบเทียบง่ายว่าการพัฒนามนุษย์ของธรรมชาติเป็นการผลิต iPhone ของ ทิม คุก ที่มีหลายรุ่นในเวลาเดียวกัน คุณชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้น ไม่ใช่การผลิต iPhone แบบของ สตีฟ จอบส์ ที่พอมีรุ่นใหม่ออกมา รุ่นเก่าก็หยุดผลิตทันที
ถึงตอนนี้คุณลองนึกภาพมนุษย์ในปัจจุบันนะครับ เรามีมนุษย์หลากหลายเชื่อชาติมาก แต่ผมแบ่งเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ คือ คนเอเชีย คนยุโรป และคนแอฟริกา ทั้งสามกลุ่มนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่เราก็คือ H. sapiens ที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าเหมาะกับโลกนี้

The cost of Thinking

ผู้สร้างต้องการให้มนุษย์มีความคิด แต่ความคิดของมนุษย์ต้องแลกมากับอะไรบ้าง
ความคิดเกิดจากสมอง สมองที่มีประสิทธิภาพต้องการพลังงาน แต่ร่างกายก็ต้องการพลังงานด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องเลือกว่าจะเอาพลังงาน 100 หน่วยไปพัฒนาอะไร ถ้าเอาไปพัฒนาร่างกาย คุณก็จะสามารถเดิน วิ่งได้ตั้งแต่เกิด แต่ถ้าคุณเอาไปพัฒนาสมองคุณก็จะมีความคิด แต่ร่างกายก็จะอ่อนแอตอนที่เกิดมา

ใช่ครับ เราเลือกใช้พลังงานไปกับการพัฒนาสมอง เพื่อให้เกิดความคิด สมองของเราใช้พลังงานมากกว่า 75 หน่วยจาก 100 หน่วยนั่นหมายความว่าร่างกายของเราก็อ่อนแอ เราไปบวกตัวต่อตัวกับช้างเราแพ้แน่ๆ แต่เมื่อสมองเราพัฒนา และเกิดความคิดขึ้นผลตอบแทนก็เริ่มจะคุ้มค่าแก่การลงทุนแล้ว เราเริ่มประดิษฐ์เครื่องมือจากหิน เอาไม้มาทำอาวุธ และอีกมากมาย

ถึงจุดหนึ่งเราก็อยากแตกต่างกว่าสัตว์อื่นๆ เพราะเราคิดมากกว่าพวกมัน เราเริ่มยืนด้วยสองขา เพื่อให้ได้เปรียบในการมองในมุมที่กว้างขึ้นกว่าสัตว์อื่นๆ สิ่งที่ตามมาหลังจากนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ข้อดีคือ เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น เห็นอันตรายจากระยะไกลได้ดีกว่าเดิม กระดูกเชิงกรานของเพศหญิงที่จะเริ่มเล็กลง และมีขาหน้าสองข้างที่ไร้ประโยชน์แล้วในตอนนี้ ส่วนข้อเสียคือ เราต้องแลกกมาด้วยการปวดคอ และปวดหลังจากกายวิภาคที่ไม่เหมาะสมนี้
Human is social living

ยังจำสองเรื่องที่เป็นผลตามมาจากการตัดสินใจเลือกของเรามั้ยครับ 1) เราใช้พลังงานไปกับการพัฒนาสมอง ส่งผลให้ร่างกายเราอ่อนแอเมื่อเกิดมา  2) มนุษย์เพศหญิงมีกระดูกเชิงกรานที่แคบลงเมื่อต้องเดินสองขา

ทั้งสองเหตุผลนั้นส่งผลให้มนุษย์เมื่อเกิดมาจำเป็นต้องมีแม่คอยดูแล และด้วยตัวแม่เองที่ตอนนี้มีลูกน้อยที่ต้องรับผิดชอบจึงออกไปหาอาหารกินเองเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ ก็ต้องพึ่งสามีและคนอื่นๆในชุมชน เห็นมั้ยครับว่ามนุษย์เราอยู่กันเป็นสังคมมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ถึงจะอยู่กันเป็นสังคม แต่เราก็ไม่ต่างอะไรจากฝูงชิมแปนซี หรือสัตว์อื่นที่อยู่กันเป็นสังคมเช่นกัน เรายังกลัวสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่าเรา เรายังคงเป็นสิ่งมีชีวิตระดับกลางในห่วงโซ่อาหาร ที่ต้องรอให้สิงโตกินยีราฟจนอิ่นก่อน ตามด้วยการรอฝูงไฮยีน่า แล้วค่อยมาถึงเราที่ต้องหาวิธีกินซากกระดูกที่เหลือเหล่านั้น

แต่อะไรหล่ะที่ทำให้เรากลายเป็นมนุษย์ในปัจจุบัน ที่มานั่งพิมพ์เล่าเรื่องราวเหล่านี้อยู่ ที่เราไม่ต้องกลัวสิ่งโตอีกต่อไป เพราะมันอยู่ในกรงที่เราสร้างขึ้นเรียบร้อยแล้ว อะไรคือกุญแจสำคัญที่นำเราก้าวขึ้นสู่จัดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทั้งที่ตัวเรานั่นอ่อนแอมาก เมื่อเทียบกับพวกเขา

--- โปรดติดตามวันต่อไป ---



March 27, 2020
0

Comments

Search

Contact Me